ปัจจุบันนี้ โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ด้วยผลลัพธ์ที่รวดเร็ว และเห็นผลชัดเจนในเวลาไม่นาน แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้มาซึ่งความงามที่ไม่เป็นอันตราย และยั่งยืน เราจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวข้องก่อนเข้ารับการรักษาเสมอ เพื่อให้มั่นใจในผลลัพธ์ และเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ ในบทความนี้ เราจะมาเรียนรู้ว่าฉีดฟิลเลอร์ ข้อห้ามมีอะไรบ้าง ข้อปฏิบัติหลังฉีด Filler ควรทำอย่างไร เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพ และผลลัพธ์ความสวยที่ไม่เป็นอันตราย จะเป็นอย่างไร มาดูกัน
ข้อห้ามที่ควรรู้เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ มีความสำคัญไม่แพ้กับขั้นตอนในการฉีด เพราะถ้าหากมีการเตรียมตัวที่ไม่ดี อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพโดยรวมของฟิลเลอร์ รวมทั้งการที่ไม่ทราบข้อมูลว่า ‘ฉีดฟิลเลอร์ ข้อห้ามมีอะไรบ้าง’ ยังอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงได้อีกด้วย สำหรับใครที่ไม่ทราบว่า หลังฉีดฟิลเลอร์ ห้ามอะไรบ้าง ในการฉีดฟิลเลอร์ ข้อห้ามที่ควรรู้ ทั้งก่อน – หลังการรักษา มีอะไรบ้าง เราขอแนะนำ 6 ฉีดฟิลเลอร์ ข้อห้ามหลัก ๆ ที่ควรรู้ ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการรับประทานยาบางชนิด
เช่น แอสไพริน, ไอบูโพรเฟน, วิตามินอี หรืออาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 3 – 7 วันก่อนฉีด รวมทั้งควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ หรือยาลดการอักเสบด้วย
- งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
ทั้งก่อน และหลังการฉีดฟิลเลอร์ ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลาอย่างน้อย 24 – 48 ชั่วโมง เพราะอาจทำให้หลอดเลือดเกิดการขยายตัว และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำเมื่อฉีดฟิลเลอร์ได้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับความร้อนทุกกรณี
ไม่ว่าจะเป็นการทำซาวน่า อบไอน้ำ ทำอาหาร การทำเลเซอร์ หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับความร้อน เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ทั้งก่อน และหลังฉีดฟิลเลอร์ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวเร็วขึ้น และไม่ได้ผลลัพธ์ในการรักษาที่ดีเท่าที่ควร
- หลีกเลี่ยงการทำทรีตเมนต์ผิว
งดทำโปรแกรมเลเซอร์, RF, HIFU หรือทรีตเมนต์อื่น ๆ ที่มีความร้อนสูงก่อนฉีดฟิลเลอร์ เป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ รวมทั้งควรหลีกเลี่ยงการทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ที่มีส่วนประกอบของ AHA, BHA และวิตามิน A เนื่องจากอาจทำให้เกิดการระคายเคืองในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ได้
- หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า
เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ควรล้างหน้าให้สะอาด และหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าโดยเฉพาะในวันที่เข้ารับบริการ
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์

การดูแลตัวเองอย่างถูกต้องหลังจากฉีดฟิลเลอร์ คือหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้ฟิลเลอร์คงรูปสวยงามดูเป็นธรรมชาติ และยังช่วยลดโอกาสในการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย ดังนั้น การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด จะช่วยให้มั่นใจได้ว่า ผลลัพธ์ที่ได้จะออกมาดี และคงอยู่ได้ยาวนาน โดยข้อปฏิบัติหลังฉีด Filler ที่ควรทำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี มีดังนี้
- ประคบเย็นอย่างถูกวิธี ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังจากฉีดฟิลเลอร์ เพื่อลดอาการบวม แดง และอาการเขียวช้ำที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยควรใช้ผ้าสะอาดห่อน้ำแข็ง หรือเจลแพ็คสำหรับประคบเย็น ประคบเบา ๆ ครั้งละ 10-15 นาที โดยเว้นระยะห่าง เพื่อไม่ให้ผิวหนังได้รับความเย็นมากเกินไป
- ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน (ประมาณ 8-10 แก้ว หรือ 2-3 ลิตร) เพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์ดูดซึม และคงรูปได้ดีมากขึ้น รวมทั้งยังส่งผลดีต่อกระบวนการฟื้นตัวของร่างกายด้วย
- นอนในท่าที่เหมาะสม โดยควรนอนในท่าที่ยกศีรษะให้สูงกว่าลำตัวเล็กน้อย (ประมาณ 30 – 45 องศา) เพื่อป้องกันการกดทับ หรือการเคลื่อนที่ของฟิลเลอร์ที่ยังไม่เข้าที่ และช่วยลดอาการบวมบริเวณใบหน้าได้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส หรือแต่งหน้าในบริเวณที่ฉีด ในช่วง 1 – 2 ชั่วโมงแรกหลังฉีด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ลดการเกิดผลข้างเคียง และฟื้นตัวได้เร็วมากขึ้น
- งดการออกกำลังกายหนัก หรือกิจกรรมที่ใช้แรงมากเกินไป เพราะอาจส่งผลต่อการบวม และการเคลื่อนที่ของฟิลเลอร์
- หลีกเลี่ยงความร้อนจัด เช่น การอาบน้ำอุ่นจัด การตากแดดจัด เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังฉีด เพราะอาจส่งผลให้ฟิลเลอร์สลายตัวเร็ว หรือกระตุ้นให้เกิดอาการบวมมากขึ้น
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ อย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังฉีด เพราะอาจเพิ่มอาการบวม และรอยช้ำได้
- ห้ามกดนวด หรือทำทรีตเมนต์รุนแรงบนใบหน้า อย่างน้อย 2 สัปดาห์ถึง 1 เดือน เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่ และป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์
ข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละบริเวณบนใบหน้า

การฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละบริเวณบนใบหน้า มีข้อควรระวังเฉพาะเจาะจงอยู่ ซึ่งถ้าหากปฏิบัติตามข้อปฏิบัติหลังฉีด Filler ไม่ถูกต้อง อาจส่งผลต่อรูปหน้า และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงได้ โดยเราขอแนะนำการฉีดฟิลเลอร์ ข้อห้ามในบริเวณต่าง ๆ ของใบหน้า ดังนี้
ข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นหัตถการยอดนิยมที่ช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอย ความหมองคล้ำ และความโทรมบริเวณใต้ตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ใบหน้ากลับมาดูสดใส และอ่อนเยาว์อีกครั้ง โดยข้อปฏิบัติหลังฉีด Filler ใต้ตา ฉีดฟิลเลอร์ ข้อห้ามต่าง ๆ มีดังนี้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณใต้ตาอย่างรุนแรง เช่น การขยี้ตา หรือการนวดบริเวณใต้ตาแรง ๆ ในช่วง 2 – 3 วันแรก เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัว
- หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด เป็นเวลาอย่างน้อย 48 ชั่วโมง เพื่อให้ฟิลเลอร์เซตตัวได้ดี
- งดเว้นการทำเลเซอร์ลงสู่ชั้นผิวหนัง เป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน เพราะความร้อนจากเลเซอร์อาจส่งผลให้ฟิลเลอร์สลายตัวได้เร็วขึ้น
- งดใส่แว่นตาที่กดทับบริเวณใต้ตา เพื่อให้ให้เกิดแรงกดบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
- งดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ AHA, BHA หรือเรตินอล ในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
ข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เป็นหัตถการที่ช่วยลดเลือนความลึกของร่องแก้ม ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ และสดใสขึ้นได้ เพราะร่องแก้มที่เด่นชัด มักจะทำให้ใบหน้าดูมีอายุนั่นเอง โดยข้อปฏิบัติหลังฉีด Filler ร่องแก้ม มีดังนี้
- หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็ง ๆ ในช่วง 2 – 3 วันแรก
- งดการสัมผัสรุนแรง ไม่บีบ กด นวด หรือบริเวณบริเวณร่องแก้มแรง ๆ
- ควบคุมการแสดงสีหน้า ไม่แสดงสีหน้ามากจนเกินไปโดยเฉพาะช่วง 3 วันหลังฉีดฟิลเลอร์ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์ร่องแก้มเคลื่อนที่ได้
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง เช่น การออกกำลังกายหนัก หรือการตากแดดจัด เป็นเวลาอย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังฉีด
ข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
การฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับคนที่ต้องการปรับรูปทรงริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม เป็นกระจับสวยงาม หรือต้องการเติมความชุ่มชื้นโดยที่ไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด โดยข้อปฏิบัติหลังฉีด Filler ปาก มีดังนี้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสรุนแรง ห้ามการบีบ จับ หรือนวดบริเวณริมฝีปากโดดเด็ดขาด เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ หรือเสียรูปทรงได้
- งดการทานอาหารที่มีรสเผ็ด หรืออาหารร้อนจัด เพื่อป้องกันการอักเสบบริเวณริมฝีปาก
- งดใช้ผลิตภัณฑ์แต่งริมฝีปากในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ และช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่ได้เร็วขึ้น
- ไม่ควรดึง หรือลอกริมฝีปาก เพราะอาจทำให้เก็บความชุ่มชื้นได้น้อยลง และแผลหายช้าลงได้
ข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ
การฉีดฟิลเลอร์ขมับ เป็นตัวช่วยที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีปัญหาขมับยุบ หน้าตอบ ที่ทำให้โหนกแก้มดูเด่นชัดเกินไป และใบหน้าดูขาดมิติ การเติมฟิลเลอร์ในบริเวณนี้จะช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้น และใบหน้าโดยรวมดูมีสัดส่วนมากขึ้น โดยข้อปฏิบัติหลังฉีด Filler ขมับ มีดังนี้
- งดการนอนตะแคงทับข้างที่ฉีดฟิลเลอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดแรงกดทับบริเวณขมับ เพราะอาจทำให้รู้สึกเจ็บ และปวดศีรษะได้
- หลีกเลี่ยงการสวมหมวก หรือแว่นตาที่รัดขมับ
- งดการนวดศีรษะ หรือทำผมที่มีแรงกดต่อบริเวณขมับ
ข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าโดยรวมให้ได้สัดส่วนมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาหน้าผากยุบ หรือแบน โดยข้อปฏิบัติหลังฉีด Filler หน้าผาก มีดังนี้
- ห้ามขมวดคิ้ว หรือแสดงสีหน้ามากเกินไป เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่อย่างเหมาะสม
- หลีกเลี่ยงการสวมหมวก ผ้าคาดศีรษะที่รัดแน่น เพื่อลดแรงกดทับบริเวณหน้าผาก
- งดการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีสารผลัดเซลล์ผิว
- ห้ามสัมผัสรุนแรงบริเวณหน้าผาก และห้ามนอนราบหลังฉีดฟิลเลอร์เป็นเวลา 3 – 4 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์ และให้ฟิลเลอร์เซตตัวได้ดีขึ้น
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับความร้อนทุกรูปแบบ เช่น การตากแดด หรือการอบซาวน่า
ข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์คาง
การฉีดฟิลเลอร์คาง เป็นวิธีที่รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพในการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวสวย และมีมิติมากขึ้น โดยข้อปฏิบัติหลังฉีด Filler คาง มีดังนี้
- ห้ามนอนคว่ำ หรือนอนตะแคง เพราะอาจเกิดการกดทับบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ได้
- หลีกเลี่ยงการจับ กดคาง หรือเท้าคาง เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์
- ห้ามเคี้ยวอาหารแข็ง และการอ้าปากกว้าง ๆ ในช่วง 2 – 3 วันแรก
- ห้ามทำการนวด กด หรือปั้นทรงคางเองโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันไม่ให้คางเสียรูป
- หลีกเลี่ยงการสวมใส่หมวกกันน็อคที่รัดบริเวณคางแน่นจนเกินไป
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์
แม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์จะเป็นหัตถการที่ไม่เป็นอันตราย แต่ก็ยังมีความเสี่ยงหากทำโดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ หรือการที่ไม่เรียนรู้เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ ข้อห้ามต่าง ๆ และไม่ทำตามข้อปฏิบัติหลังฉีด Filler อย่างเคร่งครัด โดยภาวะแทรกซ้อนจะมี 2 รูปแบบคือ แบบทั่วไป และแบบที่ควรพบแพทย์ ดังนี้
ภาวะแทรกซ้อนทั่วไป และวิธีในการสังเกต
- อาการบวมแดง หรือรอยช้ำ : เป็นอาการปกติที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อฉีดฟิลเลอร์ โดยทั่วไปจะดีขึ้นและหายไปเองภายใน 2 – 3 วัน
- ผิวไม่เรียบเนียน หรือมีรอยนูน : มักเกิดจากการที่ฟิลเลอร์อยู่ในชั้นผิวที่ตื้นเกินไป หรือใช้ฟิลเลอร์ชนิดที่ไม่เหมาะสมกับบริเวณนั้น ๆ แต่เป็นอาการที่ไม่เป็นอันตราย
ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้น้อย แต่ควรรีบพบแพทย์
- การอุดตันในหลอดเลือด : เป็นอาการที่รุนแรง แต่พบได้น้อยมาก โดยจะเกิดขึ้นในกรณีที่ฟิลเลอร์เข้าไปในหลอดเลือด และทำให้เกิดการอุดตันขึ้น ส่งผลให้อวัยวะที่เกี่ยวข้องขาดเลือดไปเลี้ยง และเกิดความเสียหายได้
- ฟิลเลอร์เคลื่อนย้ายตำแหน่ง : เป็นกรณีที่เกิดขึ้นได้หากมีการนวดคลึง หรือกดทับบริเวณที่ฉีดแรงเกินไปในช่วงที่ฟิลเลอร์ยังไม่เข้าที่ ทำให้รูปทรงที่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม
- ปฏิกิริยาแพ้ หรือการเกิดก้อนนูนแดงอักเสบ : เป็นอาการที่พบได้น้อยมาก ในบางรายอาจเกิดจากอาการแพ้ หรือมีปฏิกิริยาที่ทำให้เกิดเป็นก้อนนูนแดงอักเสบขึ้นมา อาจเกิดขึ้นได้ทั้งในระยะเวลาไม่นานหลังฉีด หรือภายหลังการฉีดไปแล้วหลายเดือนหรือเป็นปี
ฉีดฟิลเลอร์อย่างมั่นใจที่ Amarante Clinic

Amarante Clinic เข้าใจถึงทุกความกังวลใจ และพร้อมมอบประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์อย่างมั่นใจ ไร้กังวล และได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ดูดีเป็นธรรมชาติ โดยพร้อมนำเสนอคุณค่าที่ ‘เหนือกว่า’ ด้วยความโดดเด่น ดังนี้
- Amarante Clinic ดูแลโดยแพทย์มากฝีมือที่มีความรู้ และประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ วิเคราะห์โครงสร้างใบหน้าอย่างละเอียด เลือกใช้เทคนิคการฉีด ‘A³ Lifting’ เพื่อมอบผลลัพธ์ที่ตรงใจคุณ
- Amarante Clinic เลือกใช้เฉพาะฟิลเลอร์แท้ที่มีคุณภาพ และผ่านการรับรองจากองค์การอาหาร และยา สามารถตรวจสอบได้ทุกกล่อง
- Amarante Clinic เราเชื่อว่าความงามของแต่ละบุคคลนั้นเป็นเอกลักษณ์ เราจึงประเมินสภาพผิว และใบหน้าอย่างละเอียด เพื่อออกแบบการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อให้คุณงดงามในแบบที่เป็นตัวเอง
- Amarante Clinic ใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การเตรียมตัวก่อนทำ การฉีดฟิลเลอร์ด้วยความพิถีพิถัน ไปจนถึงการดูแลหลังการฉีด เพื่อให้คุณมั่นใจ และสบายใจในทุกช่วงเวลาที่เข้ารับบริการจากเรา
สรุป
ในการฉีดฟิลเลอร์ นอกจากเรื่องของการเลือกสถานที่ให้บริการที่น่าเชื่อถือ และมีคุณภาพแล้ว อีกหนึ่งหัวใจสำคัญก็คื อการดูแลตัวเองหลังฉีดอย่างถูกต้อง และปฏิบัติตามข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์อย่างเหมาะสม เพราะแม้ว่าภาวะแทรกซ้อนส่วนใหญ่จะมีความรุนแรงไม่มาก แต่การปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์อย่างเคร่งครัด คือสิ่งสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาสวยงาม และตรงกับความต้องการของเรา
สำหรับผู้ที่สนใจฉีดฟิลเลอร์ที่ Amarante Clinic
ที่ Amarante Clinic เราเข้าใจถึงความต้องการที่จะมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์ และได้สัดส่วนสวยงาม การฉีดฟิลเลอร์จึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่เราใส่ใจในทุกรายละเอียด ด้วยทีมแพทย์มากฝีมือ และมีประสบการณ์ยาวนาน รวมถึงเลือกใช้เทคนิคฉีดฟิลเลอร์ ‘A³ Lifting’ ที่มีความประณีต เพื่อรังสรรค์ความงามในแบบที่คุณปรารถนา ไม่ว่าจะเป็นการเติมเต็มใต้ตา ร่องแก้ม ปรับรูปปาก ขมับ หน้าผาก หรือคาง ทั้งหมดนี้ เพื่อให้คุณมั่นใจในผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ และสวยงามในแบบที่เป็นตัวเอง หากสนใจสามารถสอบถามข้อมูลหรือดูรีวิวเพิ่มเติมได้ภายในเว็บไซต์ หรือปรึกษาปัญหาเบื้องต้นได้ตามช่องทางด้านล่างนี้