ปกภาพบทความ ฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือดแก้ยังไง? แนวทางการรักษาฟิลเลอร์ใต้ตา

ฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือดแก้ยังไง? แนวทางการรักษาฟิลเลอร์ใต้ตา

เลือกอ่านเนื้อหา

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยรักษาปัญหาใต้ตาได้เป็นอย่างดี แต่ก็มีความเสี่ยงที่อันตรายเป็นอย่างมาก เนื่องจากใต้ตาเป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดที่เชื่อมโยงเข้าสู่ดวงตาโดยตรง ถ้าหากเกิดความผิดพลาดขึ้นอาจทำให้ตาบอดได้ ดังนั้น ควรป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายขึ้น

ฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือดแก้ไขยังไง

 

ภาพ infographic อธิบาย ฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือดแก้ไขยังไง

ถ้ารู้อาการว่าฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด ควรเข้าพบแพทย์เพื่อฉีดยาสลายไฮยาลูรอนิเดส (Hyaluronidase) ที่มีหน้าที่เข้าไปสลายตัว Hyaluronic Acid ให้สลายทันที ปริมาณก็ขึ้นอยู่กับจำนวน cc. ของฟิลเลอร์ที่ฉีด, ความรุนแรงของอาการหลังฉีด และตำแหน่งที่ทำการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งเวลามันเกิดการอุดตันแล้ว มันก็จะกระจายเป็นวงกว้างจากตำแหน่งที่ฉีด ดังนั้น จึงต้องฉีดสลายทั้งตรงที่ฉีดฟิลเลอร์โดยตรง และรอบ ๆ ที่ฉีดฟิลเลอร์ด้วย จากนั้นแพทย์จะทำการนัดฉีดทุก ๆ 1 – 3 วัน จนกว่าอาการจะดีขึ้น

ถ้าหากหลังฉีดฟิลเลอร์มีการมองเห็นที่ผิดปกติ ต้องมีการรับประทานยาลดความดัน และยาขยายหลอดเลือด เพื่อเพิ่มออกซิเจนบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ และมีการประคบอุ่นเพื่อให้เลือดไหลเวียนได้ดียิ่งขึ้น ร่วมกับการหยอดตาทุก ๆ วัน และอาจมีหัตถการอื่น ๆ เช่น การเพิ่มออกซิเจนให้กับเนื้อเยื่อที่อาจเสียหาย อย่างไรก็ตาม ถ้าเกิดภาวะฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด จำเป็นต้องอยู่ภายใต้ความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

ตำแหน่งฉีดฟิลเลอร์มีความเสี่ยงตาบอด

ภาพ infographic โชว์ให้เห็นตำแหน่งฉีดฟิลเลอร์มีความเสี่ยงตาบอด

ทุกตำแหน่งบนใบหน้า มีความเสี่ยงที่ทำให้ตาบอดได้ทั้งหมด เนื่องจากบนใบหน้าของเรา มีหลอดเลือดที่เชื่อมต่อกันทุกแขนงบนใบหน้า ไม่ว่าจะฉีดบริเวณที่ไกลดวงตา เช่น คาง ร่องแก้ม กรอบหน้า แต่บริเวณที่มีความเสี่ยงที่ทำให้ตาบอดที่สุดตามงานวิจัย อย่างบริเวณระหว่างคิ้ว หน้าผาก จมูก และใต้ตา เพราะบริเวณเหล่านี้มีหลอดเลือดเล็กและยิบย่อยเยอะมาก หากฉีดฟิลเลอร์ด้วยแรงดันที่มากเกินไป อาจทำให้ฟิลเลอร์ทะลุผ่านเข้าไปในดวงตาได้เลย

อาการหลังฉีดฟิลเลอร์แล้วเสี่ยงตาบอดที่ควรพบแพทย์

ภาพ infographic อธิบาย อาการหลังฉีดฟิลเลอร์แล้วเสี่ยงตาบอดที่ควรพบแพทย์

อาการที่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์แล้วอุดตันบริเวณหลอดเลือด จะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เป็นลมหมดสติ ปวดหัวมากจนนอนไม่หลับ หรือเดินเซ ดวงตาพร่ามัวมองไม่ชัด หากเกิดอาการดังกล่าวขึ้นมา ต้องเข้ามาพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง

ปัญหาจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอม

  • ฟิลเลอร์ปลอม ไม่สามารถฉีดสลายด้วย Hyaluronidase หรือสลายได้เองตามธรรมชาติได้เหมือนกับฟิลเลอร์จาก Hyaluronic Acid ต้องทำการผ่าตัดหรือขูดออกจากร่างกายเท่านั้น
  • ฟิลเลอร์ปลอมจะไม่คงตัวอยู่กับที่ จะจับตัวเป็นก้อนแข็ง และไหลไปยังตำแหน่งอื่น มีการบวมและห้อยย้อย ไม่เป็นรูปทรงตามที่ฉีดไว้ตั้งแต่แรก ทำให้ใบหน้าผิดรูป
  • เมื่อไม่ได้รับการแก้ไข ก็จะทำให้มีการอักเสบ และติดเชื้อบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ อาจเกิดพังผืดตามมาได้

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์แท้

  • สามารถฉีดได้หลากหลายบริเวณ ทั้งใต้ตา ร่องแก้ม จมูก ปาก คาง กรอบหน้า
  • แก้ไขปัญหาใบหน้าได้อย่างครอบคลุม ทั้งเพิ่มปริมาตรผิว, ลดเลือนริ้วรอย, กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
  • สลายได้ด้วยตัวเองและมีตัวยาสลายรองรับ
  • ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ดูอ่อนเยาว์

 

ปัญหาจากการฉีดฟิลเลอร์กับหมอเถื่อน

แพทย์ไม่มีความชำนาญ

อาจฉีดฟิลเลอร์ผิดตำแหน่ง ผิวชั้นผิว หรืออย่างร้ายแรง อาจฉีดเข้าเส้นเลือดได้ ซึ่งส่งผลกระทบที่ทำให้เส้นเลือดถูกอุดตัน เป็นสาเหตุของการเกิดปัญหาตาบอด  ติดเชื้อ หรือเนื้อเยื่อเน่าได้

ผลลัพธ์ผิดธรรมชาติ

เนื่องจากผู้ฉีดไม่มีความชำนาญ อาจทำให้ใบหน้าผิดรูป ไม่สมมาตร ไม่เป็นอย่างที่ออกแบบหรือคาดหวังได้

ฟิลเลอร์ปลอม/ฟิลเลอร์หิ้ว

สิ่งที่มาคู่กับหมอเถื่อน ก็ต้องเป็นยาเถื่อน เพราะตัวบริษัทยาที่เป็นตัวแทนจัดจำหน่าย จะไม่ให้ขายยาแท้ให้กับผู้ที่ไม่ใช่แพทย์จริง ดังนั้น มีความเสี่ยงที่จะได้สารเติมเต็มที่ไม่ใช่ Hyaluronic Acid เช่น ซิลิโคนเหลว น้ำมันพาราฟิน

อาการข้างเคียงปกติที่พบหลังฉีดฟิลเลอร์

อาการข้างเคียงปกติที่สามารถพบได้หลังฉีดฟิลเลอร์ คือ อาการบวมแดง รอยแดง เขียว จากการถูกเข็มฉีด และจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 1 – 3 วัน แนะนำให้หลีกเลี่ยงการสัมผัส แกะเกา กดนวด บริเวณใต้ตาที่ทำหัตถการ และทานยาลดบวมเมื่อมีอาการบวมมาก

ควรสังเกตตัวเองอย่างไรหลังฉีดฟิลเลอร์

หลังจากฉีดฟิลเลอร์ จะมีผลข้างเคียงที่สามารถเกิดขึ้นได้ตามปกติทั่วไป เช่น รอยเข็ม, อาการบวม, อาการคัน, อาการตึงปวด และผลข้างเคียงที่ไม่ปกติ ที่ควรเข้าพบแพทย์อย่างเร็วที่สุด ได้แก่ อาการบวมแดงมากผิดปกติ, ผิวหนังบริเวณที่ฉีดเปลี่ยนสีหรือมีสีซีด จากการอุดตันของหลอดเลือด อย่างร้ายแรงคือการติดเชื้อ เป็นหนอง ผิวหนังเน่าจากเนื้อเยื่อตาย

การเตรียมตัวเพื่อลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง

  • งดการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
  • งดยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs แอสไพริน (Aspirin), ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ยาละลายลิ่มเลือด และวิตามินอี
  • งดการทำหัตถการ ทรีทเมนต์ เลเซอร์ต่าง ๆ
  • งดการทายาชนิดผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA, BHA, กรดผลไม้
  • หากมีผิวหนังอักเสบ หรือติดเชื้อ ในบริเวณที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์แนะนำปรึกษาแพทย์ก่อน
  • หากมีโรคประจำตัวควรแจ้งแพทย์ก่อนทำหัตถการ

 

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แม้จะไม่ถือว่าเป็นหัตถการที่อันตราย แต่ก็มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากบริเวณใต้ตามีเส้นประสาทและเส้นเลือดฝอยจำนวนมาก หากปลายเข็มสัมผัสหรือเข้าใกล้เส้นเลือด อาจทำให้เกิดรอยเขียวช้ำ หรือในกรณีที่ร้ายแรง อาจเกิดภาวะเส้นเลือดอุดตัน ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงดวงตาไม่เพียงพอ อาจนำไปสู่อาการตาพร่ามัว หรือร้ายแรงถึงขั้นตาบอดได้

เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงดังกล่าว ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน พร้อมทั้งให้แพทย์มากฝีมือ ความรู้และมีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ เป็นผู้ทำหัตถการให้ เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายและได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ

เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ให้ปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย

เทคนิคการฉีด จำเป็นจะต้องฉีดอย่างเบา นุ่มนวล ไม่มีการใช้เข็มแทงเข้าเนื้อแบบรุนแรง เพื่อป้องกันการฟกช้ำ และการแทงถูกเข้าหลอดเลือด ที่สำคัญ วิธีการวางยา (หมายถึง การทำหัตถการฟิลเลอร์) จำเป็นจะต้องวางยาค่อนข้างช้าและแม่นยำ ร่วมกับการใช้เทคนิค Door Back หรือการ Aspirate เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์เข้าไปอยู่ในเส้นเลือด

*การ Door Back หรือ การ Aspirate เป็นเทคนิคสำคัญที่ช่วยตรวจสอบว่าปลายเข็มนั้นไม่ได้อยู่ในเส้นเลือด เพื่อเพิ่มความปลอดภัยขณะทำการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งเทคนิคนี้ต้องทำโดยแพทย์ที่มีฝีมือและประสบการณ์จึงจะไม่เกิดอันตรายและได้ผลลัพธ์ที่ดีในเวลาเดียวกัน

วิธีหลีกเลี่ยงอันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

เลือกแพทย์ที่เป็นหมอจริงและมีประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์

แพทย์จริง จะมีความีรู้กายวิภาค ตำแหน่งที่ต้องระวัง รวมถึงวิธีการฉีดที่ถูกต้อง เหมาะสมกับผู้เข้ารับบริการ และรู้แนวทางการรักษาหากเกิดความผิดพลาดในการฉีดฟิลเลอร์มา

การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็นฟิลเลอร์แท้

เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉีดฟิลเลอร์ปลอม หรือสารเติมเต็มอื่นที่ไม่ใช่ฟิลเลอร์ ก็จะไม่มียาสลายรับรอง หรือไม่สามารถสลายได้เหมือนกับการใช้ฟิลเลอร์แท้ เพราะฉะนั้น เมื่อเกิดปัญหาอุดตันหลอดเลือดหรือทำให้เกิดเนื้อเยื่อตาย ก็จะเป็นอันตรายต่ออวัยวะอื่น ๆ บนใบหน้าได้ ดังนั้น ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์แท้ เพราะจะมียาสลาย และสามารถแก้ไขได้ทันท่วงที

สรุป

การฉีดฟิลเลอร์ ไม่ถือว่าเป็นอันตราย ถ้าหากอยู่ในการดูแลของแพทย์ แม้ว่าผู้เข้ารับบริการจะอยู่ในภาวะฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด ก็จะตรวจสอบได้ว่าฟิลเลอร์ที่ฉีดนั้นเป็นของแท้หรือของปลอม และสามารถแก้ไขได้อย่างถูกต้อง โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายในภายหลัง ดังนั้น ควรเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือ มีมาตรฐานรับรอง เพื่อความปลอดภัยในการรักษาด้วยฟิลเลอร์

ช่องติดต่อสำหรับลูกค้าที่สนใจแก้ไขปัญหาฟิลเลอร์ใต้ตาที่ Amarante Clinic

สำหรับผู้ที่สนใจอยากฉีดฟิลเลอร์ หรือกังวลว่า ฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม อยากฉีดฟิลเลอร์โดยไม่ต้องกังวล แนะนำที่ Amarante Clinic ให้เป็นหนึ่งในคลินิกที่หลายคนไว้วางใจ ทั้งผู้ใช้บริการจริงและดาราอินฟลู ที่มาให้เราดูแลความงามและแก้ไขข้อผิดพลาดจากการทำหัตถการ ถ้าหากท่านผู้อ่านกำลังเผชิญปัญหา ไม่รู้ว่าต้องรักษาหรือแก้ไขอย่างไร สามารถทักเข้ามาปรึกษาได้ตามช่องทางเบื้องต้นได้ และถ้าหากสนใจโปรแกรมตัวไหน เราก็มีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ที่ทักมาตามช่องทางด้านล่าง รีบเลย สิทธิพิเศษมีจำกัด!


✅ Line คลิก > http://bit.ly/3ZYmsMB 

✅ Inbox Facebook คลิก > http://bit.ly/3TrFOr0 

✅ Instagram คลิก > http://bit.ly/3Z20siT 

📍สาขาอารีย์ : อาคารบ้านยสวดี (BTS อารีย์ ทางออกที่ 3)

📞 080-393-6669

📍สาขาบางนา : For You Park

📞 080-556-5294

📍ทั้ง 2 สาขา มีที่จอดรถ สะดวกสบาย

ช่องทางติดต่อ - สาขาอารีย์

ช่องทางติดต่อ - สาขาบางนา