โบท็อก ถือว่าเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน สามารถแก้ไขปัญหาด้านความงามได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นการ ลดเลือนริ้วรอย, ลดขนาดกล้ามเนื้อ หรือการปรับรูปหน้า อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญทางด้านการแพทย์หลายประการ ในบทความนี้จะพามารู้จักโบท็อกกันมากขึ้น
สารบัญ โบท็อก (Botox)
โบท็อก (Botox) คืออะไร
โบท็อก คือ หัตถการปรับรูปหน้าและลดเลือนริ้วรอย โดยการใช้ฉีดสารสกัดจากแบคทีเรีย Clostridium botulinum โดยเข้าไประงับการทำงานของกล้ามเนื้อชั่วคราว ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นคลายตัวและเล็กลง ส่งผลให้รูปหน้าเรียวเล็ก ผิวเรียบตึงกระชับ และช่วยลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Botulinum Toxin คืออะไร
โบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum toxin) เป็นสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) มี 7 ชนิด คือ โบทูลินั่ม ท็อกซิน ชนิด เอ (Botulinum toxin type A) ถึงโบทูลินั่ม ท็อกซิน ชนิด จี (Botulinum toxin type G) จัดเป็นสารพิษออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) โดยจะไปรบกวนการทำงานของระบบประสาท มีผลทำให้กล้ามเนื้อหยุดการทำงานชั่วคราว ซึ่งในวงการแพทย์ เดิมทีนำมาใช้รักษาอาการโรคตาเหล่ และได้พัฒนามาใช้ในวงการเสริมความงาม เพื่อลดกล้ามเนื้อบริเวณต่างๆ ของร่างกายให้เล็กลง และใช้ยกกระชับลดเรือนร่องลึก ริ้วรอยต่างๆ ให้ดูตื้นขึ้น
Botulinum Toxin เป็นนวัตกรรมอย่างหนึ่ง ที่ช่วยทำให้ผิวหน้าเราดูอ่อนเยาว์ขึ้น ทำให้ใบหน้าของเราดูเด็กขึ้น จะนิยมใช้ในการฉีดเพื่อลดริ้วรอยร่องลึกต่างๆ บริเวณใบหน้าให้ดูตื้นขึ้น ดูยกกระชับขึ้น สามารถฉีดได้ทั่วหน้า ไม่ว่าจะเป็นรอยตีนกา รอยย่นหน้าผาก ร่องลึกต่างๆ อีกทั้งยังสามารถฉีดบริเวณกล้ามเนื้อเพื่อให้กล้ามเนื้อเล็กลง เช่น ฉีดปีกจมูกให้เล็กลง ฉีดกล้ามเนื้อบริเวณกรามให้หน้าดูเล็กขึ้น ฉีดน่องให้ขาดูเล็กลง โดยหลังจากที่ฉีดจะเห็นผลลัพธ์หลังจากฉีดภายใน 2 – 7 วัน บริเวณที่ฉีดจะรู้สึกตึงกระชับขึ้น
วิธีการทำงานของ Botulinum Toxin
เมื่อแพทย์ ฉีดเข้าไปในบริเวณส่วนต่างๆ ที่ต้องการรักษาแล้ว จะเข้าไปจับที่ปลายประสาททำให้เซลล์ประสาทไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทมาที่กล้ามเนื้อได้ กล้ามเนื้อของคุณจะผ่อนคลาย ริ้วรอยต่างๆ จะดูเรียบเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ และทำให้ไม่เกิดริ้วรอยขึ้นมาใหม่ การฉีดที่ถูกต้องนั้นจะไม่ทำให้ใบหน้าของคุณดูแข็งเกร็ง อีกทั้งยังสามารถแสดงอารมณ์ทางสีหน้าได้ปกติเช่นเดิม หลังจากฉีดจะเห็นผลลัพธ์ที่แต่งต่างภายใน 2 – 3 วัน และจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนมากยิ่งขึ้นหลังจากฉีดไปแล้วภายใน 7 วัน หลังจากฉีดแล้วจะทำให้ใบหน้ากระชับขึ้น ร่องลึกดูตื้นขึ้น จะมีผลอยู่ได้นาน 6 – 12 เดือน
โบท็อก (Botox) อันตรายหรือไม่
โบท็อก ถือว่าเป็นยาชนิดแรกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเพื่อใช้รักษาริ้วรอย และผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ทั้งในประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา (US FDA) มีการนำมาใช้อย่างแพร่หลายต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน พร้อมมีงานวิจัยจำนวนมากจากสมาคมศัลยกรรมเพื่อความงามของสหรัฐอเมริกาที่ยืนยันทั้งความปลอดภัยและประสิทธิผล จึงนับได้ว่าเป็นหนึ่งในการรักษาด้านเวชสำอางที่ได้รับความนิยมสูงสุดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544
ปัจจุบัน โบท็อก มีหลายแบรนด์ หลายเกรด และหลายราคา คุณภาพจึงแตกต่างกันไป บางรายอาจมีการผสมน้ำเกลือแล้วนำมาฉีด ดังนั้นก่อนตัดสินใจฉีด ควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ เลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน แต่ก็อาจเกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ กล้ามเนื้ออ่อนแรง หน้าแข็งตึง หนังตาตก หรือใบหน้าไม่สมมาตร ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดจากการฉีดโดยแพทย์ที่ไม่ชำนาญ เทคนิคไม่เหมาะสม หรือการใช้โบท็อกที่ไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้น การเลือกฉีดกับแพทย์มืออาชีพจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม
โบท็อก (Botox) ช่วยเรื่องอะไร
- ลดกราม ปรับหน้าเรียวให้ดูเล็กลง
- ลดขนาดปีกจมูกให้เล็กลง
- ลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า ผิวหน้าเรียบเนียนมากขึ้น
- ลิฟกรอบหน้า ลดความหย่อนคล้อยของใบหน้า
- ลดขนาดกล้ามเนื้อบริเวณร่างกาย เช่น ลดขนาดน่องให้ขาเรียวเล็ก
- รักษาภาวะเหงื่อออกมาก (Hyperhidrosis)
- รักษาภาวะออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)
โบท็อก (Botox) เหมาะกับใครบ้าง
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กลง
- ผู้ที่ต้องการเพิ่มความคมชัดบริเวณกรอบหน้า
- ผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยตามบริเวณต่าง ๆ เช่น หน้าผาก ระหว่างคิ้ว หางตา เป็นต้น
- ผู้ที่ต้องการลดขนาดโหนกแก้ม ให้โหนกแก้มมีความเด่นชัดน้อยลง
- ผู้ที่ต้องการลดกล้ามเนื้อบริเวณส่วนอื่น ๆ เช่น น่อง แขน ขา บ่าไหล่
- ผู้ที่ต้องการลดการทำงานของต่อมเหงื่อทำให้เหงื่อออกน้อยลง รักษาภาวะเหงื่อออกมากบริเวณรักแร้ ฝ่ามือ
- ผู้ที่ต้องการรักษาภาวะออฟฟิศซินโดรม ฉีดคลายกล้ามเนื้อที่เกร็งเพื่อให้อาการปวดดีขึ้น
ข้อดีของการฉีดโบท็อก (Botox)
- ช่วยลดเลือนริ้วรอยและร่องลึกให้ดูตื้นขึ้น และป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่
- ทำให้ผิวหน้ากระชับ ตึง ดูเด็กลงและอ่อนเยาว์มากขึ้น
- ลดขนาดกล้ามเนื้อกราม ทำให้รูปหน้าเรียวเล็กลง
- สามารถฉีดเพื่อลดกล้ามเนื้อบริเวณอื่น ๆ ได้ เช่น น่อง ปีกจมูก
- เห็นผลลัพธ์รวดเร็ว ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
- ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
- สามารถใช้รักษาโรคบางอย่างได้ เช่น อาการตาเหล่
โบท็อก (Botox) ฉีดตรงไหน
- หน้าผาก : ลดริ้วรอยและรอยย่น
- หว่างคิ้ว : ลดรอยขมวดคิ้ว
- หางตา : ลดตีนกา ทำให้ดวงตาดูสดใส อ่อนเยาว์
- ปีกจมูก : ปรับให้เรียวและได้สัดส่วน
- กราม : ปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก
ทำไมต้องโปรแกรมฉีดโบท็อก (Botox) ที่ Amarante Clinic
การฉีดโบท็อกเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและไม่เกิดผลข้างเคียงอันตรายตามมา ต้องอาศัยความแม่นยำและความเชี่ยวชาญ ที่ Amarante Clinic เราจึงให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียด ผ่านการวิเคราะห์อย่างพิถีพิถัน และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล พร้อมด้วยทีมแพทย์มากฝีมือและเทคนิคการฉีดที่แม่นยำประณีตในทุกขั้นตอน จึงมั่นใจได้ว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็ง ใบหน้าอ่อนเยาว์ สวยงามอย่างเหมาะสม
โบท็อก (Botox) อยู่ได้นานแค่ไหน
โดยทั่วไป ผลลัพธ์จากการฉีดโบท็อกจะอยู่ได้ประมาณ 4–6 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังฉีด เนื่องจากโบท็อกสามารถสลายตัวได้เร็ว หากบริเวณที่ฉีดมีความร้อนหรือมีการขยับบ่อย ๆ
อันตรายจากโบท็อก (Botox) ปลอม
การฉีดโบท็อกปลอมอาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง และมีผลข้างเคียง เช่น หน้าเบี้ยว หน้าแข็งตึง หนังตาตก กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือเกิดการติดเชื้อ ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตราย แนะนำว่าต้องเลือกใช้โบท็อกแท้ที่ได้รับการรับรองจาก อย. และฉีดกับสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานจึงสำคัญที่สุด เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่สวยงาม
รีวิวโบท็อก (Botox) ที่ Amarante Clinic
FAQ โบท็อก (Botox)
โบท็อก คืออะไร
โบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum toxin) เป็นสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) มี 7 ชนิด คือ โบทูลินั่ม ท็อกซิน ชนิด เอ (Botulinum toxin type A) ถึงโบทูลินั่ม ท็อกซิน ชนิด จี (Botulinum toxin type G) จัดเป็นสารพิษออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) โดยจะไปรบกวนการทำงานของระบบประสาท มีผลทำให้กล้ามเนื้อหยุดการทำงานชั่วคราว ซึ่งในวงการแพทย์ เดิมทีนำมาใช้รักษาอาการโรคตาเหล่ และได้พัฒนามาใช้ในวงการเสริมความงาม เพื่อลดกล้ามเนื้อบริเวณต่างๆ ของร่างกายให้เล็กลง และใช้ยกกระชับลดเรือนร่องลึก ริ้วรอยต่างๆ ให้ดูตื้นขึ้น
โบท็อก เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีปัญหาเรื่องริ้วรอย
- ผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาความงามอย่างรวดเร็ว
- ผู้ที่ต้องการให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น
- ผู้ที่มีปัญหาบริเวณกล้ามเนื้อกรามใหญ่
- ผู้ที่มีปัญหาคิ้วตก สามารถฉีดยกคิ้วขึ้นได้ทำให้ดูตาโตขึ้น
โบท็อก ฉีดบริเวณใดบ้าง
การฉีดโบ นอกจากการฉีดเพื่อลดริ้วรอยต่างๆ บริเวณใบหน้าได้แล้ว ก็ยังสามารถฉีดบริเวณอื่นๆ ของร่างกายได้ด้วยเพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อ เช่น
- ฉีดลดริ้วรอย ลดการทำงานของกล้ามเนื้อ รอยขมวดคิ้ว รอนตีนกา รอยย่นหน้าผาก
- ฉีดบริเวณกราม เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อกราม ปรับรูปหน้าให้ดูเรียวเล็กลง
- ฉีดลดการทำงานของกล้ามเนื้อคอ (Platysma) จะออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ โดยกล้ามเนื้อใบหน้า และลำคอจะมีทั้งมัดที่ดึงขึ้นและดึงลง เมื่อมัดที่ดึงลงถูกยับยั้งการทำงานของตัวยา กล้ามเนื้อมัดที่ดึงขึ้นจึงทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลให้ใบหน้ายกขึ้น ลำคอก็จะตึงกระชับ
- ฉีดลดเหงื่อ สามารถฉีดตรงบริเวณที่มีเหงื่อออกมาก เช่น ใต้วงแขน (รักแร้) ฝ่ามือ ฝ่าเท้า
- ฉีดบริเวณแขน น่อง เพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อบริเวณในส่วนนั้นๆ ให้ดูเล็กกระชับมากยิ่งขึ้น
ริ้วรอยจะกลับมาเพิ่มขึ้นหรือไม่ หากหยุดฉีดโบท็อก
ริ้วรอยในบริเวณที่ฉีดจะไม่เพิ่มขึ้น โดยส่วนมาก ริ้วรอยของคุณจะกลับมาเป็นปกติ หลังจากตัวยา หมดประสิทธิภาพ ในระยะเวลา ประมาณ 6-12 เดือน หลังจากนั้นจะสลายตัวไป ริ้วรอยเเละกล้ามเนื้อที่หยุดการทำงานก็จะกลับมาทำงานตามปกติเช่นเดิม
สำหรับผู้ที่สนใจมาใช้บริการโปรแกรมฉีดโบท็อก (Botox) ที่ Amarante Clinic
แม้ว่า โบท็อก จะเป็นหัตถการที่สามารถฉีดได้กับหลายคลินิกและสถานพยาบาล แต่จำเป็นต้องเลือกพิจารณาให้ถี่ถ้วน โดยเลือกดูจากฝีมือแพทย์และคลินิกที่ฉีดเป็นสำคัญ เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้จะนำมาสู่ผลลัพธ์ที่มีความสวยงามและไม่เกิดอันตรายตามมา
Amarante Clinic เป็นหนึ่งในคลินิกเสริมความงามที่เลือกผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าภายในประเทศไทยอย่างถูกต้องและได้รับการรับรองมาตรฐาน และแพทย์ที่มากฝีมือและประสบการณ์ ดูแลผู้เข้ารับบริการฉีดโบท็อกมาหลายพันเคส สามารถมั่นใจได้ว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจและเหมาะสมกับตัวเองอย่างแน่นอน หากสนใจสามารถทักเข้ามาสอบถามรายละเอียดหรือดูรีวิวเพิ่มเติมได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ได้เลย
บทความที่เกี่ยวข้อง
- อ่านบทความเพิ่มเติม : หนังตาตก หลังจากฉีดโบ เกิดขึ้นได้อย่างไร?
- อ่านบทความเพิ่มเติม : ฉีดโบ อย่างไร ให้มีประสิทธิภาพ
- อ่านบทความเพิ่มเติม : Botulinum Toxin ที่ผ่าน อย.ประเทศไทย
- อ่านบทความเพิ่มเติม : ร้อยไหม ยกกระชับใบหน้า (Thread Lift)
- บทความอ้างอิงจาก :
