ปาน เป็นอีกหนึ่งปัญหาผิวสำหรับใครหลายคนที่มาลดทอนความมั่นใจของตัวเรา ซึ่งเป็นตำหนิผิวที่เกิดขึ้นมาตามธรรมชาติ ไม่สามารถควบคุมหรือป้องกันไม่ให้เกิดได้ จึงทำให้เกิดความกังวลหลายประการ คือ จะสามารถรักษาให้จางลงได้หรือไม่ ? ถ้าปานหายไปแล้วจะเป็นอันตรายกับร่างกายหรือเปล่า ? Amarante Clinic จะมาให้คำตอบในบทความนี้
ปาน คืออะไร
ปาน (Birthmarks) คือ ลักษณะจุดสีบนผิวหนังที่ปรากฎตั้งแต่แรกเกิดหรือในช่วง 2 – 3 สัปดาห์แรกหลังคลอด สามารถเกิดขึ้นได้ทุกบริเวณของร่างกาย ทั้งบริเวณใบหน้าและลำตัว โดยปานจะมีสี รูปร่าง ลักษณะที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล บางรายอาจมีขนงอกขึ้นมาบนปานด้วย ปานจึงมีหลากหลายชนิด โดยปานบางชนิดจะสามารถหายไปได้เองเมื่ออายุมากขึ้น บางชนิดก็คงขนาดเท่าเดิมเหมือนตอนที่เกิด บางชนิดมีการขยายใหญ่/นูนขึ้น หรือในกรณีพิเศษ อาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อนในโรคอื่น ๆ
สาเหตุของการเกิดปาน
ปาน เกิดจากความผิดปกติของผิวหนังและเซลล์ในแต่ละบุคคล ไม่ใช่จากการถ่ายทอดของพันธุกรรม เนื่องจากปานมีหลากหลายประเภท จึงไม่สามารถระบุสาเหตุของการเกิดปานได้อย่างชัดเจน และปานแต่ละชนิดจะมีสาเหตุการเกิดที่แตกต่างออกไป เช่น ปานดำ เกิดจากความผิดปกติของเม็ดสีเมลานิน หรือ ปานแดง เกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือด เป็นต้นอัพเกรดให้ดีกว่าเดิม รักษาผิวได้ดีกว่าที่เคยเป็น ด้วยโปรแกรม PicosurePro Laser
ประเภทของปาน
ปานดำ
ปานดำ (Pigment Birthmark) เกิดขึ้นเมื่อผิวหนังบริเวณที่เกิดปานนั้นมีเม็ดสีเมลานิน (Melanin) มากเกินไป ขึ้นเป็นรอยบนผิวหนังที่ขึ้นมาติด โดยปานดำจะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไปทั้งรูปร่าง สี ขนาด ตัว มีทั้งชนิดที่เรียบเนียนและนูนมาจากผิวหนัง ไม่มีลักษณะเฉพาะเจาะจงตายตัว มีความหลากหลายมาก มีทั้งสีน้ำตาล สีดำ น้ำเงิน หรือเทา ซึ่งปานดำส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นมักไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ จะกระทบต่อรูปลักษณ์และความมั่นใจ โดยปานดำที่พบได้บ่อยในคนไทย คือ ปานโอตะ (Nevus of Ota) มีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาล สีเขียว สีฟ้าเทา แล้วแต่บุคคล มีโอกาสที่จะขยายเป็นปืนใหญ่อยู่ซีกใดซีกหนึ่งบนใบหน้า อย่างไรก็ตาม ปานดำ ก็อาจเป็นสัญญาณของโรคภัยบางประการได้ จึงควรสังเกตปานตัวเองอยู่เสมอว่าปานมีความผิดปกติหรือเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
ปานแดง
ปานแดง (Vascular birthmarks) เกิดขึ้นจากความผิดปกติของการสร้างหลอดเลือดขณะอยู่ในครรภ์ จึงเห็นเป็นจุดหรือรอยปื้นสีชมพูหรือสีแดงขึ้นบนผิวหนัง อาจพบได้ตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงหลังคลอดไม่นาน มีทั้งลักษณะที่เป็นแบบเรียบเนียนและแบบนูน โดยแบบเรียบจะไม่ค่อยมีอันตรายหรืออาการอื่นใด แต่ถ้าเป็นแบบนูน อาจต้องเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น ก้อนเนื้อปานแดงแตกออก อาจเป็นแผลอละเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
แนวทางการรักษาปาน
ปานที่เกิดขึ้นนั้นมีทั้งปานแบบชั่วคราว ที่จะเกิดขึ้นมาและหายไปจากร่างกายเองได้โดยไม่ต้องทำการรักษา และปานถาวร ซึ่งปานถาวรที่เกิดบนผิวหนังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน, ความมั่นใจ หรือบริเวณที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพ ก็ไม่จำเป็นที่ต้องทำการรักษาหรือลบออก แต่ถ้าหากรู้สึกไม่มั่นใจ ปานนั้นมีโอกาสต่อยอดกลายเป็นปัญหาต่อสุขภาพในอนาคต ก็สามารถเข้าพบแพทย์เพื่อให้วินิจฉัยว่ารอยปานดังกล่าวเป็นปานแบบใด เกิดขึ้นบริเวณใด เหมาะกับการรักษาแบบใด โดยในการรักษาปานมีวิธีการรักษา ดังนี้
การรักษาด้วยโปรแกรม Picosure Laser : เป็นการส่งพลังงานเลเซอร์ที่มีความเร็วสูงสุดระดับ Picosecond (1 ต่อ ล้านล้านวินาที) โดยจะเปลี่ยนจากพลังงานความร้อนให้เป็นแรงดัน ทำให้เม็ดสีที่เรียงตัวกันหนาแน่นขึ้นเป็นปานดำนั้นเกิดแตกตัวออกและถูกดูดซึมออกตามกระบวนการของร่างกาย ลดเม็ดสีภายใต้ผิวและปานดูจางลง หลังทำแล้วสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที ไม่ต้องพักฟื้น
การรักษาด้วยการผ่าตัด : ปานบางชนิดก็ไม่สามารถรักษาได้ด้วยการทำหัตถการเลเซอร์ด้วยข้อบ่งชี้บางประการ เช่น ปานมีขนาดใหญ่เกินไป หรือเป็นปานนูนขึ้นมาบนผิวหนัง ร้ายแรงที่สุดเป็นปานที่อาจพัฒนากลายเป็นโรคผิวหนังอื่น ๆ ได้ การผ่าตัดก็จะช่วยรักษาปานประเภทนี้ได้ โดยการทายาชาบริเวณที่ทำการผ่าตัดและนำปานออกมาจากผิวหนัง แต่วืธีนี้จะเกิดรอยแผลเป็นจากการผ่าตัด ต้องพักฟื้นและดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
สรุป
เลเซอร์ฝ้ากระ ด้วยโปรแกรม Picosure Laser และ โปรแกรม Picosure Pro Laser เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดฝ้ากระได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากตัวเลเซอร์นั้นมีความสามารถในการปล่อยพลังงานแสงสูงออกมาในระดับ Picosecond ลงลึกทำลายเม็ดสีเมลานินที่อยู่ใต้ชั้นผิวอย่างแม่นยำ จึงทำให้เม็ดสีเมลานินสลายออก และร่างกายกำจัดออกตามกระบวนการของร่างกาย ฝ้ากระจึงดูจางลง สิ่งสำคัญที่สุด การทำโปรแกรม Picosure ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตรายจากการทำเลเซอร์ตามมา