เพื่อให้มั่นใจว่าผลลัพธ์ที่ได้จากโปรแกรมโบท็อกจะออกมาดี และน่าพึงพอใจ การดูแลตัวเองหลังจากฉีดเป็นเรื่องสำคัญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการทำความเข้าใจและปฏิบัติตามข้อห้ามหลังฉีดโบ จะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น และช่วยให้โบท็อกออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่ บทความนี้ได้รวบรวมข้อห้ามสำคัญที่คุณควรรู้ หลังฉีดโบท็อกห้ามอะไรบ้าง หลังฉีดโบท็อกควรดูแลตัวเองอย่างไร และตอบคำถามที่ใครหลายคนสงสัย เพื่อให้คุณสามารถดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้อง และมั่นใจเต็มที่หลังการทำหัตถการ
ข้อห้ามหลังฉีดโบท็อก
หลังฉีดโบท็อกไม่ว่าจะเป็นการฉีดโบหน้าผาก ข้อห้าม ฉีดโบลดริ้วรอย ข้อห้าม หรือในบริเวณอื่น ๆ การดูแลตัวเองโดยเฉพาะในช่วง 24 – 48 ชั่วโมงแรกเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะเป็นช่วงเวลาที่ต้องใส่ใจ และระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อให้โปรแกรมโบท็อกสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และไม่เคลื่อนย้ายไปยังบริเวณที่ไม่ต้องการ หลายคนอาจจะสงสัยว่า หลังฉีดโบท็อกห้ามอะไรบ้าง ข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกมีอะไรบ้าง ฉีดโบท็อกนอนตะแคงได้ไหม เพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรม ดังนี้
- ห้ามนอนราบ หรือนอนตะแคง โดยเฉพาะในช่วงเวลา 3 – 4 ชั่วโมงแรกหลังฉีดโบท็อก เพื่อป้องกันไม่ให้โบท็อกไหล หรือเคลื่อนที่ไปยังบริเวณที่ไม่ต้องการ
- ห้ามออกกำลังกายหนัก หรือทำกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้น หรือการไหลเวียนโลหิตเร็วขึ้นเป็นเวลาอย่างน้อย 48 ชั่วโมง เพราะอาจส่งผลให้โบท็อกสลายตัวเร็วขึ้น
- ห้ามทำเลเซอร์ร้อนบนใบหน้า เช่น โปรแกรม Thermage, Ulthera, HIFU หรือเลเซอร์ร้อนชนิดอื่น ๆ เพราะอาจทำให้โบท็อกสลายตัวเร็วขึ้น
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส นวด หรือกดบริเวณใบหน้า โดยเฉพาะในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
- หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด ไม่าจะเป็นการซาวน่า อบไอน้ำ อาบน้ำร้อนจัด การตากแดดจัด หรือกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความร้อนสูงบริเวณใบหน้า เพราะโบท็อก เป็นโปรตีนที่ไวต่ออุณหภูมิ ทั้งความร้อนและความเย็น
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่อย่างน้อย 24 – 48 ชั่วโมง เพราะอาจส่งผลให้เกิดอาการบวมช้ำได้
- หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารเหนียว หรือหมากฝรั่ง (ในกรณีที่ฉีดโบท็อกบริเวณกราม) เพราะการเคี้ยวที่มากเกินไป อาจทำให้กล้ามเนื้อบริเวณกรามกลับมาแข็งแรงเร็วขึ้น ทำให้โบท็อกหมดฤทธิ์ไวมากขึ้นได้
- ระมัดระวังยาบางชนิด เช่น ยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน หรือไอบูโพรเฟน แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะหยุดยาเสมอ
การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้อย่างเคร่งครัด จะช่วยให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจจากการฉีดโบท็อก พร้อมทั้งช่วยลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย มั่นใจได้เลยว่า ผลลัพธ์ที่ต้องการจะคงอยู่ยาวนาน และไม่เป็นอันตรายต่อตัวเอง
ฉีดโบลดริ้วรอย ฉีดโบหน้าผาก มีข้อห้ามอะไรบ้าง?
หลายคนอาจจะมีความกังวล และสงสัยว่าฉีดโบหน้าผาก ข้อห้าม ฉีดโบลดริ้วรอย ข้อห้ามมีอะไรบ้าง เพราะในบริเวณหน้าผาก และรอบดวงตานั้น เป็นจุดที่ได้รับความนิยมในการฉีดโบลดริ้วรอย เนื่องจากเป็นบริเวณที่แสดงอารมณ์บนใบหน้า และเกิดริ้วรอยได้ง่าย แต่ทั้งนี้ ก็เป็นจุดที่ต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษด้วยเช่นกัน และเพื่อป้องกันไม่ให้โบท็อกเคลื่อนที่ หรือกระจายตัวไปยังกล้ามเนื้อที่ไม่ต้องการ ซึ่งอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ เช่น คิ้วตก หรือหนังตาตก โดยข้อห้ามหลังฉีดโบหน้าผาก และหลังฉีดโบลดริ้วรอย มีดังนี้
- หลีกเลี่ยงการใส่หมวก หรือแว่นตาที่รัดแน่นจนเกินไป เพราะแรงกดอาจส่งผลกระทบต่อบริเวณที่ฉีดโบท็อกได้
- หลีกเลี่ยงการขยี้ตา หรือกด นวด บริเวณที่ฉีดโบท็อก เพราะอาจทำให้โบท็อกกระจายตัวผิดตำแหน่งได้
- หลีกเลี่ยงการก้มศีรษะต่ำ ๆ เป็นเวลานาน เพราะการก้มหน้าอาจเพิ่มแรงดันในบริเวฯใบหน้า และศีรษะ ซึ่งอาจส่งผลต่อการกระจายตัวของโบท็อกได้
- หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า หรือใช้แปรงแต่งหน้ากดทับ โดยเฉพาะในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
การดูแลตัวเองตามคำแนะนำ และข้อห้ามหลังฉีดโบลดริ้วรอย ฉีดโบหน้าผากเหล่านี้ จะช่วยให้การฉีดโบท็อกได้ผลลัพธ์ที่ดี ริ้วรอยลดเลือนลงได้แบบเป็นธรรมชาติ และคงความอ่อนเยาว์ได้อย่างยาวนาน
การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อก
เพื่อให้การฉีดโบท็อกเกิดประสิทธิภาพ และได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะทุกขั้นตอนล้วนมีความหมายต่อความสำเร็จของผลลัพธ์ที่คุณต้องการ โดยเรามาเริ่มต้นจากการดูแลตัวเองในช่วงเวลาสำคัญ 4 ชั่วโมงแรกหลังฉีดโบท็อก ดังนี้
การดูแลตัวเองในช่วงเวลาสำคัญ 4 ชั่วโมงแรกหลังฉีดโบท็อก
สำหรับช่วงเวลา 4 ชั่วโมงแรกหลังฉีดโบท็อกนั้น ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะกำหนดผลลัพธ์ทั้งหมดของโปรแกรมโบท็อกได้เลย ถ้าหากปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดก็จะได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ และลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ โดยมีข้อควรปฏิบัติ ดังนี้
- ช่วงเวลา 30 นาทีแรก : ควรค่อย ๆ ขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเบา ๆ ช้า ๆ ประมาณ 10-15 ครั้ง เช่น ยิ้ม ขมวดคิ้ว หรือเคี้ยวหมากฝรั่งเบา ๆ (ในกรณีที่ฉีดโบท็อกบริเวณกราม) เพื่อช่วยกระตุ้นให้โบท็อกถูกดูดซึมเข้าสู่เซลล์ประสาทได้ดียิ่งขึ้น
- ช่วงเวลา 1 – 4 ชั่วโมงแรก : ควรรักษาสรีระของร่างกายด้วยการนั่งตัวตรง หรือยืนอยู่เสมอ และหลีกเลี่ยงการนอนราบ การเอนตัว หรือการก้มหน้านาน ๆ ให้ได้เท่าที่จะทำได้ และที่สำคัญคือ ห้ามทำการประคบเย็น ในบริเวณที่ฉีดโบท็อกโดยเด็ดขาดแม้ว่าจะรู้สึกบวมเล็กน้อยก็ตาม เพราะความเย็นนั้นอาจขัดขวางการดูดซึมของโบท็อกได้นั่นเอง
คำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกอย่างถูกวิธี
แนวทางในการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อก มีดังนี้
- ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้ร่างกายขับของเสีย และเสริมการทำงานของเซลล์ได้
- เคลื่อนไหวกล้ามเนื้อในบริเวณที่ฉีดโบท็อกเบา ๆ เช่น การยิ้ม เพื่อกระตุ้นการดูดซึม
- พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูเต็มที่ โดยนอนหลับในท่านอนที่เหมาะสม ควรนอนหงายโดยใช้หมอนรองคอ เพื่อให้ศีรษะอยู่ในระดับสูง และหลีกเลี่ยงการนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ อย่างน้อย 1 คืน เพื่อป้องกันไม่ให้โบท็อกเคลื่อนที่ไปยังกล้ามเนื้อส่วนอื่น
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และหลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง และอาหารรสจัด
- เข้าพบแพทย์ตามนัดหมาย เพื่อติดตามผลลัพธ์ และรับคำแนะนำเพิ่มเติม
Timeline ของการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อก
และเพื่อให้สามารถวางแผนในการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อก และปฏิบัติตามข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกได้อย่างมั่นใจ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คาดหวัง เราได้รวบรวมช่วงเวลาสำคัญที่ควรรู้ ตั้งแต่ชั่วโมงแรกหลังฉีดโบท็อกไปจนถึงการดูแลเพื่อให้ผลลัพธ์คงอยู่ยาวนานเอาไว้ เพื่อให้สามารถดูแลตัวเองได้อย่างเหมาะสมในแต่ละระยะ ดังนี้
ไว้ใจฉีดโบท็อกกับ Amarante Clinic
ที่ Amarante Clinic พร้อมมอบผลลัพธ์ผิวหน้าที่เรียบเนียน ปราศจากริ้วรอยแห่งวัย ด้วยโปรแกรมฉีด BOTOX ที่มีความแม่นยำจากทีมแพทย์มากฝีมือที่มีประสบการณ์ยาวนาน ที่เข้าใจเรื่องของกายวิภาคใบหน้าอย่างลึกซึ้ง เลือกใช้โบท็อกแท้ที่ผ่านการรับรองคุณภาพจาก อย. ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ทุกขวด พร้อมออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลที่เหมาะสมกับรูปหน้าและความต้องการของคุณโดยเฉพาะ ดูแลอย่างใกล้ชิดในทุกขั้นตอน เพื่อผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งตึง เราพร้อมที่จะเนรมิตความอ่อนเยาว์ และคงความสดใสให้ใบหน้าดูดีแบบเป็นธรรมชาติ มีชีวิตชีวาอยู่เสมอ สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีดี ๆ ที่จะช่วยลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น รอยย่นหน้าผาก รอยตีนกา หรือรอยขมวดคิ้ว เพื่อให้ใบหน้าดูเรียบเนียนขึ้น นอกจากนี้ โปรแกรมโบท็อกยังสามารถป้องกันการเกิดริ้วรอยร่องลึกในอนาคตได้อีกด้วย
อันตรายของที่การฉีดโบท็อกที่ทุกคนควรรู้
ถึงแม้ว่าโปรแกรมโบท็อกจะเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยม และไม่เป็นอันตราย แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยง รวมถึงภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ หากการฉีดไม่ได้ดำเนินการโดยแพทย์ที่มีฝีมือ หรือเลือกใช้สารที่ไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้น การทำความเข้าใจถึงอันตรายเหล่านี้ จะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมั่นใจ โดยอันตรายของที่การฉีดโบท็อกที่ทุกคนควรรู้ มีดังนี้
- ใบหน้าผิดรูป หรือหนังตาตก ซึ่งเป็นผลจากการที่สารโบท็อกกระจายตัวไปยังกล้ามเนื้อที่ไม่ต้องการ ทำให้เกิดภาวะหน้าเบี้ยว คิ้วกระดก หรือหนังตาตก ซึ่งเป็นผลชั่วคราว และจะค่อย ๆ คลายลงเมื่อฤทธิ์ยาหมดลง
- อาการแพ้ บวมแดง หรืออักเสบ ซึ่งสามารถพบได้น้อย หากพบอาการเหล่านี้หรือมีผื่นขึ้นในบริเวณที่ฉีด ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว
- โบท็อกไม่ออกฤทธิ์ ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น คุณภาพของสารโบท็อก วิธีการฉีด หรือร่างกายของผู้เข้ารับบริการเอง ทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ
- การติดเชื้อ ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ร้ายแรง อาจเกิดจากการเลือกใช้อุปกรณ์ที่ไม่สะอาด ไม่ได้มาตรฐาน หรือเข้ารับบริการจากคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเกิดอาการ หรือผลข้างเคียงต่าง ๆ ที่ไม่พึงประสงค์ เช่น ภาวะหนังตาตก หรือความผิดปกติอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดความกังวล ควรปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษา เพื่อรับคำแนะนำและวางแผนการแก้ไขที่เหมาะสมในแต่ละกรณี
สรุป
การฉีดโบท็อก เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีในการปรับรูปหน้าและลดเลือนริ้วรอยไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งการดูแลหลังฉีดโบท็อก รวมถึงหลีกเลี่ยงข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกอย่างเหมาะสม จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ และไม่เป็นอันตราย