ฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ อย่างไรให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพอยู่ได้นานมากขึ้น!!
เมื่อใบหน้าของเรามีริ้วรอย ร่องลึกต่างๆ เพิ่มมากขึ้น หรือ ในบางคนกรอบหน้าไม่ชัด มีกล้ามเนื้อบริเวณกรามใหญ่ โบท็อกซ์คงเป็นสิ่งแรกๆ ที่ใครหลายๆ คนคิดถึง และต้องการฉีดเพื่อลดเลือนริ้วรอยต่างๆ ให้ดูตื้นกระชับขึ้น
แต่ก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ ฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ แล้วมักจะไม่ค่อยเห็นผล หรือ อยู่ได้ไม่นาน Amarante Clinic จะมาคลายข้อสงสัยเหล่านี้กัน รวมถึงเคล็ดลับหลังฉีดโบท็อกซ์ควรปฏิบัติตัวอย่างไรเพื่อให้โบท็อกซ์มีประสิทธิภาพอยู่ได้ยาวนานมากขึ้น…
โบท็อกซ์คืออะไร?
โบทูลินั่ม ท็อกซิน Type A (Botulinum toxin) ซึ่งเป็นสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) จัดเป็นสารพิษออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (neurotoxin) โดยการทำงานของตัวยาจะจับตัวกับปลายเส้นประสาทที่เชื่อมต่อกับส่วนปลายของเซลล์ประสาท ทำให้เซลล์ประสาทไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาท Acetylcholine ได้ ส่งผลให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อคลายตัว หรือหยุดการหดตัวชั่วคราว ทำให้ริ้วรอยต่างๆเรียบขึ้น
ความจริงแล้วโบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum toxin) ในปัจจุบันมีมากมายหลายยี่ห้อ เช่น Botox (อเมริกา) ,Dysport (อังกฤษ), Xeromin (เยอรมัน) Nabota (เกาหลี), Hugel (เกาหลี) เป็นต้น
แต่ที่นิยมและคุ้นหูสุดๆ ก็จะเป็น Botox (อเมริกา) จากบริษัท Allergan นั่นเอง เนื่องจาก เป็นยี่ห้อแรกในโลก อยู่มานานถึง30ปี และมีคุณภาพสูง ทำให้เราเรียกติดปากเหมารวมทุกยี่ห้อ เรียกโบท็อกซ์ เหมือนที่เราจะเรียกผงซักฟอกทุกยี่ห้อว่า แฟ๊บ นั่นเองด้วยความเคยชิน
ซึ่งที่ Amarante Clinic ตัวท็อกซินที่คุณหมอฉีดให้คนไข้เยอะที่สุดก็คือ ยี่ห้อ Botox จากบริษัท Allergan นั่นเอง เนื่องจากคุณภาพสูง อยู่ได้นานกว่ายี่ห้ออื่นๆ มีผลงานวิจัยรองรับมากมาย และโอกาสการดื้อยาต่ำมากๆ และในบทความนี้ แอดมินขอเรียก แทนที่ Botulinum toxinว่าโบท็อกซ์ (botox) นะคะ เพื่อที่เราจะได้คุ้นหูและเข้าใจง่ายขึ้นค่ะ
ซึ่งในวงการแพทย์แต่เดิมทีนำมาใช้รักษาอาการโรคตาเหล่ และพบว่าริ้วรอยตีนกาของตาข้างที่ฉีดรักษาตาเหล่ดีขึ้น ต่อมาได้พัฒนามาใช้ในวงการเสริมความงาม เพื่อลดการหดตัวของกล้ามเนื้อ และ ริ้วรอยต่างๆ เช่น รอยขมวดคิ้ว รอยย่นหน้าผาก รอยหางตา ลดการหดตัวของกล้ามเนื้อกราม กล้ามเนื้อน่อง ลดการทำงานของต่อมเหงื่อ เป็นต้น
หลังจากฉีดจะเห็นผลลัพธ์ที่แตกต่าง คือริ้วรอยดีขึ้น ประมาณ 3-4 วัน และจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนมากยิ่งขึ้นหลังจาก ฉีดโบท็อกซ์ ไปแล้วประมาณ 7 วัน ออกฤทธิ์เต็มที่ ประมาณ 2 อาทิตย์ และผลลัพธ์คงอยู่ประมาณ 3-6 เดือน
ทำไม ฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ ถึงอยู่ได้ไม่นาน
หลายๆ คนคงจะพบเจอกับปัญหาทำไม ฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ แล้วถึงอยู่ไม่ได้นาน หรือ ฉีดโบท็อกซ์แล้วไม่เกิดผลใดๆมาดูกันว่าปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ฉีดโบท็อกซ์แล้วไม่ได้ผล
1. แพทย์ผู้ฉีดต้องมีประสบการณ์ ได้รับการรับรองมาตรฐานจากกระทรวงสาธารณะสุข
ก่อนจะฉีดโบท็อกซ์เราต้องศึกษารายละเอียดูให้ดีเสียก่อนว่าแพทย์ผู้ฉีดมีประสบการณ์ไหม ได้รับรองจากกระทรวงสาธารณะสุขหรือเปล่า สถานที่ที่ฉีดสะอาดปลอดภัยไหม และต้องฉีดโบท็อกซ์กับแพทย์เท่านั้น อย่าฉีดกับหมอกระเป๋าเด็ดขาดเพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้ในภายหลัง
2.ฉีดโบท็อกซ์ผิดตำแหน่ง
ฉีดโบท็อกซ์ผิดตำแหน่ง เช่น อยากจะฉีดเพื่อลดริ้วรอยตรงบริเวณหว่างคิ้ว แต่ไปฉีดโดนกล้ามเนื้อที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง ทำให้มีผลกับการขมวดคิ้ว ปัญหาที่แท้จริงจึงไม่ได้ถูกแก้ไขในที่สุด กรณีแบบนี้อาจจะเป็นเพราะแพทย์ที่ฉีดขาดความชำนาญและประสบการณ์
3.ใช้ปริมาณที่น้อยเกินไป
ใช้โบท็อกซ์ที่ฉีดในปริมาณที่น้อยเกินไปจึงทำให้ไม่เห็นผลได้เต็มที่ เช่น ฉีดลดกล้ามเนื้อตรงบริเวณกรามโดยทั่วไปจะใช้โบท็อกซ์ในปริมาณ 50-60 ยูนิต แล้วแต่บุคคล แต่แพทย์ที่ฉีดกลับใช้โบท็อกซ์เพียงแค่ 30-40 ยูนิต ก็อาจส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณกรามไม่ลดลงอย่างที่ควรจะเป็น
4.โบท็อกซ์ไม่ได้มาตรฐาน
โบท็อกซ์ที่ใช้ฉีดอาจจะไม่ได้มาตรฐาน คือ ไม่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา อย. หรือผสมน้ำเกลือในปริมาณที่เยอะเกินไปก็ทำให้ไม่เห็นผลลัพธ์ได้เช่นกัน
5.ฉีดมานานจนมีภาวะดื้อยา
ภาวะดื้อโบท็อกซ์เกิดจากร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน หรือ แอนตี้บอดี้ (Antibody) มาต่อต้าน เมื่อฉีดโบท็อกซ์เข้าไปแล้ว ยาจะถูกทำลายเกือบหมด ทำให้ฉีดไปเท่าไหร่ก็ไม่ได้ผลนั่นเอง
หลังฉีดโบท็อกซ์ควรดูแลตัวเองอย่างไรให้โบท็อกซ์อยู่ได้นานขึ้น
- หลังฉีดโบท็อกซ์ทันทีในแต่ละบริเวณ ควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อที่ฉีดทันที 1-2 ครั้ง เป็นเวลา 30 นาที ถ้าฉีดบริเวณกรามอาจจะใช้วิธีเคี้ยวหมากฝรั่ง หรือ กัดฟันทันทีหลังฉีด
- หลังฉีดโบท็อกซ์ควรงดนอนราบ 3-4 ชั่วโมง และไม่ควรลูบคลำบริเวณที่ฉีด หลังจากครบ 3-4 ชั่วโมงแล้ว สามารถนอนราบนอนตะแคงได้ตามปกติ
- ควรหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดแม้กระทั่งแสงแดด อาทิเช่น ไม่ควรเข้าซาวน่า สปา ออกกำลังกายหนักๆ ตากแดด หรือทำเลเซอร์ที่ใช้คลื่นความร้อน RF เพราะจะส่งผลทำให้โบท็อกซ์แสดงประสิทธิภาพได้ไม่เต็มที่ อย่างน้อยๆควรหลีกเลี่ยง 1-2 สัปดาห์แรกหลังฉีด หรือ โดยประมาณ 1 เดือน
- หลังฉีดโบท็อกซ์ควรงดเครื่องดื่มมึนเมาทุกชนิด หรืออาหารที่ต้องโดนความร้อน เช่นชาบู หมูกระทะ ปิ้งย่าง อาหารที่มีรสจัดหรือของหมักดองก็ไม่ควรรับประทาน ควรหลีกเลี่ยงอย่างน้อย 2 สัปดาห์ รวมถึงการสูบบุหรี่ด้วย
ผลข้างเคียงในการฉีด Botox
- ถ้าผู่ที่มีร่างกายอ่อนแอ หรือ กำลังอดอาหารเพื่อลดความอ้วนอยู่ หรือมีอาการตื่นเต้น เกร็ง ในการฉีดโบท็อกซ์ครั้งแรก อาจะทำให้เกิดวิงเวียนศรีษะ และเป็นลมได้
- ในกรณีบางคนอาจมีรอยฟกช้ำเล็กน้อยแต่จะหายไปเอง
- หลังจากฉีดอาจจะมีอาการปวดศรีษะ หรือปวดบริเวณที่ฉีดเล็กน้อย แต่จะหายไปเอง
- หลังจากฉีดตรงบริเวณที่ฉีดอาจจะทำให้ผิวแห้ง ควรทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเป็นประจำ
ดังนั้นหากอยากให้โบท็อกซ์ที่ฉีดมามีประสิทธิภาพอยู่ได้ยาวนานก็ควรศึกษาข้อมูลรายละเอียดให้ครบถ้วน เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และผ่านการรับรองมาตรฐาน หลีกเลี่ยงความร้อนรวมถึงเลือกรับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ เพียงเท่านี้ก็จะทำให้โบท็อกซ์ที่เราฉีดมีประสิทธิภาพอยู่ได้นานหมดกังวลเรื่องริ้วรอยร่องลึกต่างๆ ไปได้เลย